Saturday, September 11, 2010

Honda ชี้รถยนต์เพื่อสิ่งแวดล้อมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ พร้อมประกาศเพิ่มเป้า ยอดขายปี 2553

 
 
honda
 
Wednesday, 21 July, 2010 2:12 AM
800x
 
Honda ชี้รถยนต์เพื่อสิ่งแวดล้อมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์
พร้อมประกาศเพิ่มเป้า ยอดขายปี 2553
 
baบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและส่งออกรถยนต์นั่งรายใหญ่อันดับสองของประเทศไทย รายงานว่า ยอดขายรถยนต์ฮอนด้า ช่วงหกเดือนแรกของปี 2553 อยู่ที่ 51,782 คัน เพิ่มขึ้น 30% จากระยะเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว (39,967 คัน) ส่งผลให้ฮอนด้ามีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 14.5% และติดอันดับท็อป 3 ในตลาดรถยนต์ ของประเทศไทย baผลประกอบการดังกล่าว มาจากยอดขายรถยนต์รุ่นที่ขายดีของฮอนด้าคือ ฮอนด้า ซิตี้, ซีวิค และที่เปิดตัวล่าสุด คือ ฮอนด้า ฟรีด ที่ปัจจุบันเป็นผู้นำในตลาดรถ เอ็มยูวี (รถยนต์นั่งอเนกประสงค์) รวมถึงรถรุ่นอื่นๆ ของบริษัทฯ อาทิ ฮอนด้า แจ๊ซ, แอคคอร์ด และ ซีอาร์วี ด้วย
baมร.อาซึชิ ฟูจิโมโตะ ประธาน บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “เรามีความเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่ง ในศักยภาพการเติบโตของตลาดรถยนต์ประเทศไทย พิจารณาจากเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพ ระดับรายได้ที่สูงขึ้น และนโยบายด้านการส่งเสริมการลงทุนของรัฐบาลไทย เราเชื่อว่าตลาดรถยนต์ จะมีแนวโน้มเป็นขาขึ้นในระยะยาว และส่วนแบ่งตลาดรถยนต์นั่ง จะขยับขึ้นไปอยู่ในระดับเดียวกันกับรถปิกอัพ ที่จำหน่ายในประเทศไทย ภายในอีกครึ่งทศวรรษข้างหน้า”
 
อาซึชิ ฟูจิโมโตะ
 
baในช่วงหกเดือนแรกของปี 2553 ตลาดรถยนต์โดยรวม ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนในอัตรา 154% เป็น 356,692 คัน ขณะที่ตลาดรถยนต์นั่งเติบโตเพิ่มขึ้น 160% เป็น 153,273 คัน คิดเป็นสัดส่วน 43% ของตลาดรถยนต์โดยรวม ฮอนด้าเชื่อว่า ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยจะมียอดขายรวมอย่างน้อย 650,000 คันในปี 2553 เพิ่มขึ้นจากปี 2552 ประมาณ 20% และคาดว่ายอดขายรถยนต์ในประเทศ จะเพิ่มขึ้นถึง 800,000 คันในอีกสามปีข้างหน้า
baมร. ฟูจิโมโตะ กล่าวว่า ความสำเร็จของฮอนด้าในประเทศไทย เป็นผลมาจากความพยายามอย่างต่อเนื่องของบริษัทฯ ที่จะทำความเข้าใจความต้องการ และไลฟ์สไตล์ของลูกค้า รวมถึงสนองตอบให้เหนือกว่าความคาดหวังของลูกค้า ด้วยการนำเสนอรถยนต์คุณภาพ ที่มาพร้อมกับดีไซน์ที่โดดเด่นมีสไตล์ ขับขี่สนุก และประหยัดเชื้อเพลิง จากกระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยมของผู้บริโภคที่มีต่อแบรนด์ และรถยนต์คุณภาพของบริษัทฯ ทำให้ฮอนด้าปรับเป้ายอดขายที่ตั้งไว้สำหรับปี 2553 เพิ่มขึ้นเป็น 110,000 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 17% ของตลาดรถยนต์โดยรวม
ba“เราตั้งใจจะทำให้ฮอนด้าเป็นแบ รนด์ที่เป็นที่ต้องการ และได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทย ด้วยการทำทุกอย่างให้ถูกต้อง ให้เหนือกว่าความต้องการในการขับขี่ของลูกค้า รวมไปถึงตอกย้ำความเชื่อถือ และความเชื่อมั่นของลูกค้า พูดง่ายๆ ก็คือ เราอยากจะให้ลูกค้ารู้สึกว่า แบรนด์ฮอนด้าเป็นเพื่อนที่เข้าใจความต้องการ และไลฟ์สไตล์ของเขา” มร.ฟูจิโมโตะ กล่าว
baนอกจากนี้ยังพบว่าผู้บริโภคชาว ไทยค่อยๆ ปรับเปลี่ยนความต้องการในการขับขี่จากรถปิกอัพ และรถซีดานขนาดใหญ่ มาเป็นรถขนาดเล็กที่ประหยัดเชื้อเพลิง ดีไซน์เท่ ให้สรรถนะและระดับความปลอดภัยสูงสุด ขณะที่ราคาน้ำมัน ซึ่งมีแนวโน้มว่าจะยังสูงอยู่ และความใส่ใจในสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้นในหมู่คนซื้อรถ ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่เร่งให้เกิดกระแสดังกล่าว
baการที่ผู้บริโภคเลือกใช้รถที่เป็นมิตรต่อ สิ่งแวดล้อม ถือเป็นแนวโน้มที่ดีสำหรับฮอนด้า ซึ่งมีกำหนดจะเปิดตัวรถ อีโคคาร์ ในเมืองไทยในปี 2554 ซึ่งรถอีโคคาร์ของฮอนด้า ได้รับการออกแบบสไตล์สปอร์ต และประหยัดน้ำมัน จะเป็นสมาชิกใหม่ในสายผลิตภัณฑ์ของฮอนด้า ที่คาดว่าจะได้รับความสนใจอย่างท่วมท้นจากผู้บริโภค เมื่อออกสู่ตลาดในปีหน้า
ba“ฮอนด้าก้าวนำหน้าเทรนด์ใหม่ๆ ในตลาดเสมอ เราเป็นผู้ผลิตรายแรกๆ ที่เข้าร่วมโครงการรถอีโคคาร์ของประเทศไทย และได้ลงทุนไปกว่า 6,200 ล้านบาท ในโรงงานผลิตแห่งที่สองเมื่อสองปีที่แล้ว เพราะเชื่อว่ารถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมรถยนต์ของไทย ให้ก้าวไปข้างหน้า” มร. ฟูจิโมโตะ กล่าว
baถึงวันนี้ ฮอนด้าได้ลงทุนในประเทศไทยไปแล้วกว่า 21,000 ล้านบาท ทำให้เป็นหนึ่งในผู้ลงทุน ต่างชาติรายใหญ่ของประเทศ ปัจจุบัน โรงงานผลิตระดับโลกในประเทศไทยของบริษัทฯ มีขนาดใหญ่เป็นอันดับหกของโลก เป็นรองเพียงโรงงานผลิตในประเทศญี่ปุ่น, สหรัฐ, จีน, แคนาดา และอังกฤษ โดยเป็นโรงงานที่มีสภาพแวดล้อมปลอดภัย และเอื้อต่อการทำงานที่สุดแห่งหนึ่งในอุตสาหกรรมยานยนต์

baเยี่ยมชมเว็บไซท์ หรือติดตามข่าวสารอื่นๆ ได้ที่ www.honda.co.th ครับ

No comments:

Post a Comment