Saturday, September 11, 2010

นิสสัน ทุ่มสุดตัวดึงแชร์ขึ้น10% นายใหญ่ไฟเขียวใช้งบฯเต็มพิกัด

“นิสสัน” พร้อมรบ ฟุ้งครึ่งปีหลังถล่มงบฯการตลาดสุดตัว หลังครึ่งปีแรกถูกดองให้ใช้งบฯแค่ 20% บ่นอุบยอดไม่เดิน เหตุต้องควบคุมค่าใช้จ่าย แต่ให้รักษาส่วนแบ่งตลาดเท่าเดิม
ตีปีกเดือนหน้าเตรียมส่ง นาวาร่า คาร์ลิเบอร์ แอลอี สีพิเศษ “ขาวมุก” กระตุ้นยอดขาย
แหล่งข่าวระดับบริหาร จากบริษัท นิสสัน มอเตอร์ ประเทศไทย กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สถานการณ์ตลาดรถยนต์ในช่วงที่ผ่านมายังไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้ยอดขายรถยนต์นิสสันไม่โดดเด่น ประกอบกับนโยบายการบริหารงานของนายโทรุ อาเซกาวา กรรมการผู้จัดการใหญ่คนใหม่ ที่ให้นำงบฯการตลาดมาใช้ในครึ่งปีแรกได้เพียง 20% ยิ่งส่งผลให้ผลประกอบการของนิสสันอยู่ในภาวะตึงตัว แต่หลังจากนี้ไป การใช้งบฯการตลาดจะมีความชัดเจนขึ้น โดยสามารถนำงบฯส่วนที่เหลือมาใช้ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าตลาดที่กำลังดีดกลับกับงบฯส่งเสริมการขายและการตลาดที่ จะใส่ลงไปจะผลักดันให้ยอดขาย นิสสันพุ่งขึ้นอย่างผิดหูผิดตา
“เราเชื่อว่าวิสัยทัศน์ของประธานกับ นโนบายที่ให้กับดีลเลอร์ทั่วประเทศว่าในปีนี้นิสสันตั้งเป้าจะมีส่วนแบ่งทาง การตลาดเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าตัว จากเดิมที่มี 5.4% จะต้องเพิ่มขึ้นเป็น 10% ในปีนี้ คงจะเห็นผลในเร็วๆ นี้ เพียงแต่ช่วงแรกอาจจะมีอุปสรรคบ้าง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการตัดสินใจตัดลดงบประมาณสนับสนุนด้านการตลาด ทำให้ดูซบเซา เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งรายอื่นๆ”
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า สำหรับแผนการทำตลาดในครึ่งปีหลัง (ก.ย.2552-มี.ค.2553) น่าจะคึกคักมากขึ้น โดยในเดือนกันยายนที่จะถึงบริษัทมีแผนจะส่งรถยนต์นิสสันนาวาร่า คาร์ลิเบอร์ แอลอี รุ่นพิเศษออกสู่ตลาด มีการปรับเปลี่ยนอัพเกรดชุดตกแต่งภายในเล็กน้อย เพิ่มออปชั่นเบาะหนัง แอร์แบ็ก และเกียร์อัตโนมัติเข้ามาใส่ไว้ในรถรุ่นนี้ด้วย
โดยจะมีการเพิ่มสีพิเศษ สีขาวมุก มาทำตลาด เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าในต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น และเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ส่วนปลายปีก็คาดว่าจะมีการปรับเปลี่ยนในส่วนของรถยนต์นั่งอย่าง นิสสัน ทีด้า ด้วย
ส่วนความคืบหน้าของโครงการผลิตรถยนต์ขนาดเล็ก ประหยัดพลังงาน มาตรฐานสากลหรืออีโคคาร์นั้นเป็นที่ทราบกันว่า บริษัทจะสามารถเปิดตัวและส่งรถรุ่นนี้ออกสู่ตลาดอย่างเป็นทางการได้ในช่วง ต้นปีหน้าหรือประมาณเดือนมีนาคม 2553
เนื่องจากบริษัทมีความมั่นใจอย่างยิ่งว่า รถอีโคคาร์ของนิสสันจะได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในเรื่องจำนวนการผลิตที่ 100,000 คันในปีที่ 5 นั้น ที่แม้ว่าปัจจุบันสถานการณ์แวดล้อมเริ่มมีความเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก โดยเฉพาะความต้อง การใช้รถของลูกค้าที่ลดลงเนื่องมาจากสภาพเศรษฐกิจโดยรวมนั้น จะไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตของบริษัทแต่อย่างใด เนื่องจากบริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่นได้ตัดสินใจปิดไลน์การผลิตรถยนต์ขนาด เล็กที่โรงงานคานากาวามาไว้ยังประเทศไทย ส่งผลให้วันนี้ไทยกลายเป็นฐานการผลิตรถยนต์ขนาดเล็กที่สำคัญของนิสสันไปโดย ปริยาย
“ทุกคนรอรถอีโคคาร์ของนิสสัน เราเชื่อว่ารถคันนี้จะเป็นไพ่ใบสุดท้ายของนิสสันประเทศไทยว่าจะไปต่อได้หรือ ไม่ อย่างเรื่องจำนวน วันนี้นิสสันเองก็มองว่าไม่ใช่ปัญหา เนื่องจากเรามีการศึกษาตลาดมาเป็นอย่างดี และเราก็มีตลาดส่งออกไว้รองรับอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งในญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ไต้หวัน หรือจะพูดง่ายๆ คือประเทศในภูมิภาคนี้ทุกๆ ประเทศ ยกเว้นแค่จีนเท่านั้น”
ที่มา : หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

http://www.webindexthai.com/car/%e0%b8%99%e0%b8%b4%e0%b8%aa%e0%b8%aa%e0%b8%b1%e0%b8%99-%e0%b8%97%e0%b8%b8%e0%b9%88%e0%b8%a1%e0%b8%aa%e0%b8%b8%e0%b8%94%e0%b8%95%e0%b8%b1%e0%b8%a7%e0%b8%94%e0%b8%b6%e0%b8%87%e0%b9%81%e0%b8%8a%e0%b8%a3/

No comments:

Post a Comment